วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตอนที่ 1-5


31 มีนาคม 2556
ตอนที่ 1: 8 ชั่วโมงครึ่ง บึ่งหารัก
มาเชียงใหม่วันนี้ก็วันที่ 4 ละ (มาถึงวันที่ 28/03/12) จริงๆก็ไม่ได้อยากทำตัวเป็นพวก sensitive มานั่งเขียน diary หรือ journal ประจำวันนักหรอก แต่ว่าไหนๆตอนนี้ชีวิตชินเหมือนเจอทางแยกที่ต้องเลือกเดินอีกครั้งในชีวิตแล้วนิ แถมเดินทางไปอยู่ตัวคนเดียวไปไกลห่างจากบ้านตั้ง 750 โล อยู่อย่างน้อย 1 ปี จะเขียนบันทึกเรื่องราวที่ได้พบเจอ แล้วมานั่งอ่านตอนแก่ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรชิมิ บ่องตงนะเตง(บอกตรงๆนะตัวเอง)
เดินทางวันแรกไม่มีอะไรมาก นอกจากร้อนมาก ไกลมาก และปวดตูดมาก นั่งจนเกือบเป็นแผลกดทับที่แก้มก้น ก็เล่นใช้เวลาเดินทางตั้ง 8 ชั่วโมงครึ่งเลยนิ ออกจากบ้านตอนตีสี่ยี่สิบ ถึงนู่นก็บ่ายโมงได้ แวะเติมแก๊สไป โมงได้ แวะเติมแก๊สไป 3 ครั้ง แวะทานอาหารเช้าไปครึ่งชั่วโมง
จากการสังเกตระหว่างเดินทางพบว่ายิ่งขึ้นเหนือไปไกลเท่าไหร่ ราคาแก๊สยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น จากนครปฐมราคาแค่ 12.50/kg. กลายเป็น 14.75/kg. ที่เชียงใหม่ (ราคา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556)

ระหว่างทางพบร่องรอยการเผาป่าข้างทางเป็นระยะ ตั้งแต่กำแพงเพชร ลำพูนเรื่อยไปจนถึงเชียงใหม่ แต่ที่กำแพงเพชรสองข้างทางชาวบ้านจะเอาเสื้อแดงแขวนไว้หน้าบ้าน ชินไม่แน่ใจว่าเป็นนัยยะทางการเมือง หรือเอาไว้ไล่ผีแม่ม่ายกันแน่

ตอนที่ 2: เรือนหอ รอรัก
                ถึงเชียงใหม่ใช่ว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือรีบหาหอพักเพื่อใช้สำหรับนอนในคืนนี้ และ 1 เดือนต่อจากนี้! เนื่องจากตึกแถวที่แม่ซื้อไว้ยังไม่ได้ติดเหล็กดัด มุ้งลวดให้เรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นที่ดินข้างๆเจ้าของเค้ามาลงเสาเข็มเริ่มก่อสร้างแล้วด้วย แม่เกรงว่าจะโดนแรงงานพม่าย่องมาเชือดคอกลางดึกเพื่อชิงทรัพย์ได้ ก็เลยให้หาห้องพักใกล้ที่เรียนอยู่ไปก่อนเดือนนึง
                ตอนแรกนึกว่าง่ายฮะ ก็แค่หาหอพักรายเดือนนิ แถวราชภัฎเชียงใหม่มีเยอะแยะ ที่ไหนได้กว่าถามไป 8 ตึก คำตอบที่ได้ส่วนใหญ่จะบอกว่า เต็มแล้ว”“อยู่เดือนเดียวไม่รับ ขั้นต่ำต้องครึ่งปี”“ที่นี่หอหญิงค่ะจนไปเจอหอนึง อยู่ตรงข้ามที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเลย เป็นอาซิ่มตัวเล็กๆ สูงไม่ถึง 3 ศอกดี (~140 cm) ทีแรกแกบอกไม่ล่ายๆ ลื้อต้องอยู่ขั้นต่ำหกเลือน ต็องนี้หอก็เต็มแล้วล่วยชินก็เดินคอตกจากไปฮะ
                หลังจากเดินออกไป เหมือนได้ยินเสียงเรียกตามหลัง หันไปมองที่ท้องนภา หาได้เห็นนกกาซักตัวไม่ แต่พอชินมองต่ำลงผืนปฐพี อ้าวอาซิ่มแกวิ่งตามมานี่หว่า ตัวแกเล็กมาก ได้อารมณ์หมาปั๊ก น่ารักน่าชัง แกบอก ลื้ออยู่เดือนเดียวใช่มั๊ย มานี่ๆ มีห้องว่างห้องนึง พอดีอีแกจะย้ายออกอีกสองวันผมเลยเดินตามแกเข้าไปคุยใหม่ ถามสภาพห้องแกก็ได้ความว่าเป็นห้องทั่วไป ไม่มีอะไรนอกจากพัดลม แกคิดเดือนละ 3,000 บาท ตรงตาม budget คือไม่อยากได้เกิน คืออยากได้ราวๆ 3,000 ต่อเดือน แต่ติดว่าสองวันนี้ต้องหาห้องพักรายวันอยู่ไปก่อน ถึงได้ราคาสามพัน แต่ต้องจ่ายรายวันอีกสองวัน รวมกันก็สี่พันได้ละ แถมได้ห้องพัดลมอีก ก็เลยบอกซิ่มแกว่างั้นเด๋วผมมาใหม่นะฮะ (จริงๆอยากปฏิเสธแกตรงๆ แต่สงสารแกอุตส่าห์ปีนลงเก้าอี้ซะสูง แถมวิ่งตะโกนเรียกเราอีกต่างหาก) ชินเลยเดินดูเพิ่ม แล้วคิดว่าถ้าไม่เจอที่ๆดีกว่านี้ ก็คงต้องเอาหออาซิ่มแล้วละ จนในที่สุด ชินก็เจอหอนี้ครับ




 วิวจากระเบียงชั้น 5

3,800 ต่อเดือน ยอมให้เราอยู่เดือนเดียวได้ ห้องแอร์ ฟรี wi-fiเคเบิ้ลทีวีของท้องถิ่นแต่ไม่มีทีวี ตู้เย็นถ้าจะเอาราคานี้ อยากได้ต้องเช่าแยกหรือเอามาเองเน้อ ทีแรกก็เกือบไม่เอาละแต่มันหาไม่ได้แล้วจริงๆ 3,800 แต่ห้องแอร์ ก็ยังคุ้มกว่า เอาห้องพัดลมของอาซิ่มแล้วต้องรออีกสองวันถึงย้ายเข้าได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่เป็นหอใหม่ฮะ ตอนชินไปถึงตอนบ่ายช่างยังเข้ามาเก็บรายละเอียดอยู่เลย จะเปิดจริงๆอีกสองวัน แต่ก็ไปขอร้องเค้าว่าขอห้องผมก่อนเถอะ ไม่ต้องเก็บรายละเอียดละ เอาแบบหยาบๆก็ได้ ผมไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วจริงๆคร้าบ เค้าก็เลยรีบทำห้องให้ พร้อมย้ายเข้าอยู่เย็นวันนั้นเลย และเป็นห้องแรกของตึกเลยฮะ เปิดซิงฮะ ชินได้ห้องชั้นบนสุด (มี 5 ชั้น) วิวสวย ไม่มียุง แต่ห้องราคาถูกสุดเพราะ ตึกนี้ไม่มีลิฟท์ครับ กล้ามขาขึ้นแน่ตรู
ไปเที่ยวอะไร ในสามวันแรก
ไหว้พระธาตุดอยสุเทพ


สวยงามมากครับ ทั้งองค์เจดีย์และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว

น้ำตกแม่สาพา พาไหลหลง



ทางเดินเค้าทำดีมากครับ น้ำตกมี 8 ชั้น เดินเท้าไปกลับจั๊กกะแร้เปียกพองาม

ตอนที่ 3: หาของกิน แถวถิ่นหอ
                เนื่องจากเพิ่งมาอยู่ได้สามวัน ชินก็ยังไม่รุหรอกว่าของกินขึ้นชื่อที่นี่คือเมนูอะไร ที่รุจักก็มีแค่ แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล แค่เนี้ย แล้วร้านไหนอร่อยก็ไม่รู้ ช่วงนี้เลยหาของกินแถวตลาดใกล้หอ ชื่อตลาดศิริวัฒนา ตลาดสดโต้รุ่ง ขายทั้งวัน คนเยอะตลอด เมื่อลองดูราคาสินค้าแล้วต้องบอกว่าราคาถูกกว่ากรุงเทพ หมูปิ้งที่นี่ไม้ละ 5 บาท ขนาดเท่ากับไม้ละ 7 บาทของกรุงเทพ ดูท่าแล้วชินต้องฝากท้องที่นี่ยาวเลยฮะขออภัยที่ภาพเบลอ แบบว่าถ่ายตอนหิ้ว มือไม้สั่นไปหมด



                                     
                                                                กล้วยใกล้สุก หวีละ 10 บาท (เด็ดกินไปแล้วลูกนึง)
                ที่เด็ดสุดต้องเป็นร้านส้มตำอุดร อยู่ห่างจากหอไปสามซอย ถือว่าเข้าไปลึกใช้ได้ แต่ทว่าจริงอย่างที่เค้าบอกว่าถ้าอร่อยจริง อยู่ลึกแค่ไหนคนก็เข้าไป ตอนไปถึงนึกว่าโรงเจแจกทาน รถจอดเต็มที่จอดรถ เข้าไปในร้านมีเกือบ 50 โต๊ะได้ และคนแน่นเต็มร้าน เลยใจชื้นละว่าเฮ้ยร้านนี้ต้องเจ๋งแน่ เข้าไปในร้านเจอช็อตแรกฮะ เด็กเสิร์ฟก็เยอะแต่ไม่มีใครสนใจฮะ คิดในใจว่าเออคนมันเยอะ เค้าคงยุ่งไม่มีเวลามาต้อนรับแขก พาไปนั่งโต๊ะหรอก พอนั่งโต๊ะก็เจอช็อตสองฮะ ที่นี่ไม่มีคนยื่นเมนูรับออเดอร์ จะกินไรเขียนในใบรายการของร้าน มีเมนู มีช่องให้ติ๊กเรียบร้อย เขียนเสร็จอาจฝากเด็กเสิร์ฟไปส่งที่เคาท์เตอร์หรือถ้าอยากไวต้องเดินไปส่งที่เคาท์เตอร์เองฮะ

ด้วยความที่สะเหร่อจากกรุงไม่รุเรื่อง สั่งน้ำเปล่า กับน้ำแข็งสองแก้วจดลงไปในใบสั่งอาหาร เลยเจอช็อตสามครับ เด็กเสิร์ฟเดินมาบอกว่าถ้าน้ำเปล่าไปตักเองด้านโน้นครับพี่ ถ้าสั่งน้ำอย่างอื่นเขียนในใบสั่งน้ำแล้วเอาไปส่งที่เคาท์เตอร์น้ำครับ ยังฮะ ยังไม่จบฮะ ชินเจอคอมโบชุดใหญ่ต่อ ที่นี่ จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ น้ำแข็ง ผักเครื่องเคียง น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มแจ่ว ลูกค้าต้องเดินไปตักเองหมดฮะ และสุดท้ายแน่นอนครับ กินเสร็จต้องเดินมาจ่ายที่เคาท์เตอร์เองครับ นี่ยังดีนะครับที่ไม่ให้ลูกค้าทำอาหารเอง แต่อาหารร้านเค้าอร่อยจริงครับ คนเยอะตลอด เลยต้องให้ลูกค้าบริการตัวเองอย่างเน้!

ตอนที่ 4: จ๊อกกิ้ง วิ่งฝ่ารัก
                ไม่มีอะไรฮะ แค่ว่างงาน ยังไม่เปิดเรียน เบื่อ ไม่มีไรทำ เลยหาเรื่องทำให้ตัวเองดูดีโดยการออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้า ขับไปสนามกีฬาเทศบาลเมืองเชียงใหม่ห่างจากหอสี่โลกว่า ไปถึงชินก็เจอขบวนเหล่านี้ที่รอบสนามกีฬาฮะ




                ทำเอารถติด แต่จิตไม่หงุดเงี้ยวนะครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นขบวนแห่อะไร แต่พอสืบไปก็รู้ว่าเป็นประเพณีปอยส่างลอง หรือพิธีบรรพาชาสามเณรภาคฤดูร้อนนั่นเอง แต่พิธีที่นี่อลังการมาก ขบวนนึงก็เกือบสิบเมตร พี่ ป้า น้า อา มากันยกบ้าน ครั้งนี้บวชกัน 100 รูป แถวเลยยาวเป็นกิโล เท่าที่เห็นส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนพม่านะฮะ จากภาษาพูด การแต่งกาย ส่วนใหญ่ติดเครื่องหมายสัญลักษณ์ธงชาติพม่ากัน มีตลาดมาลง ขายสินค้าเกี่ยวกับพม่าไม่ว่าจะเป็นอาหาร หนังสือ ซีดีเพลง ฯลฯ ดูเพลิน ด้วยความที่ขบวนยาวและสวยงามมาก ทำให้ชินล้มเลิกการวิ่ง เปลี่ยนมาหาอะไรกินแล้วนั่งส่องสาวพม่าแทนครับ

คนขายเค้าว่าเป็นข้าวซอยพม่า!?

..หลังกินเสร็จชินมาวิ่งรอบสนามสิบรอบนะ!

ป.ล.2 เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆฮะ เพราะตอนวิ่งรอบสนาม เจอคนหน้าตาคุ้นเคยมาวิ่งด้วยฮะ ไม่ใช่ใครที่ไหนฮะ อาซิ่มเจ้าของหอที่ชินเข้าไปคุยตอนแรก แกมาจ๊อกกิ้งรอบสนามด้วยฮะ ชินเลยต้องใช้วิชาหลบหน้าหลบตา พอน็อครอบวิ่งผ่านแกทีไร ชินต้องทำทีเป็นวิ่ง sprint เร่งฝีเท้าผ่านหน้าแกทุกทีไป เอาเป็นว่ารอดตัวไปอีก 1 วันฮะ...

ตอนที่ 5: เน็ตคาเฟ่ จบเห่ครับ

    เหตุเกิดเมื่อวานครับตอนสองทุ่มครึ่ง ด้วยความที่ไม่ได้เล่น L4D มานานมาก (เกมส์ยิงซอมบี้) เกิดคันไม้คันมืออยากเล่น เลยแวะเข้าร้านเน็ทซะหน่อย จ่าย 20 เล่น 2 ชั่วโมง (ราคาnetที่นี่ส่วนใหญ่คิดชั่วโมงละ 10 บาท เล่น 3 ชั่วโมง ฟรี 1 ชั่วโมง) พอได้ username กับ password มา กด log in ในใจสวมวิญญาณริก พระเอกในเรื่อง walking dead อย่างเต็มเปี่ยม let make tonight legendary!!!
     กดเข้าเกมส์แล้วฮะ... ปุ่บส์.... ไฟดัีบ.... เฮ้ย มันแค่ไฟตกน่ะ..... เงียบ.... ไม่ฮะ มันดับ..... ดับทั้งบาง...... แสรด!!! เพิ่ง log in ได้ 1 นาที เซ็งเป็ด คนเดินออกกันทั้งร้าน ชินเดินไปถามที่เคาท์เตอร์ว่าคืนเงินได้มั๊ย พนักงานบอกไม่ได้ฮะ ไว้มาเล่นวันอื่นนะฮะ
   ไรกันวะเนี่ย ไหนบอกไฟจะดับตอนช่วงเมษาไง นี่ยังมีนาอยู่เลย ประเทศไทยขาดแคลนพลังงานขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอพวกใช้ไฟไม่มีหูรูด ไอพวกสิ้นเปลือง ไม่รู้จักประหยัด ดูซิื กรุอดสร้างตำนานคืนนี้เลย
    บ่นไปก็เท่านั้น เลยขับรถกลับหอ ระหว่างกลับรถในซอย ชินเจอสาเหตุของไฟดับละฮะ พบสายไฟขาดสองท่อนบนพื้นถนน ดูจากสภาพแล้วน่าจะมีรถมาเกี่ยว มีเศษชิ้นส่วนจากการชนด้วยฮะ ทำเอาไฟดับทั้งบางเลย ร้านเน็ทไฟดับไม่เท่าไหร่ แต่ไฟจราจรตรงสี่แยกมันดับด้วยนี่สิ บรรลัยละครับ การจราจรตอนนี้ไม่ต่างกับอยู่ในกรุงย่างกุ้งหรือนิวเดลี มีแต่ขอทาง แต่ไม่มีให้ทาง เกือบเอาชีวิตไม่รอดฮะ ในที่สุดก็ขับถึงหอ พ้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า... ราตรีสวัสดิ์ครับ....